Skip to main content

“บิ๊กอู๋”สั่ง ดูแลลูกจ้างโรงสีโคราช ชี้ การลดพนักงานไม่เกี่ยวขึ้นค่าจ้าง

รายละเอียดเนื้อหา

             รมว.แรงงาน สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการเลิกจ้างพนักงานของโรงสีข้าว จ.นครราชสีมา และกรณีธนาคารไทยพาณิชย์พบ โรงสีประสบปัญหายอดสั่งซื้อลด ส่วนไทยพาณิชย์ยุบสาขาที่ลูกค้าใช้บริการน้อย ถ่ายโอนพนักงานไปสาขาในห้างและสำนักงานใหญ่ มีแผนให้พนักงานสมัครใจลาออก ชี้ ทั้งสองแห่งไม่กระทบจากผลการปรับค่าจ้างขั้นต่ำแต่อย่างใด พร้อมดูแลลูกจ้างให้ได้สิทธิคุ้มครองตามกฎหมาย




Preview

Download Images

            วันนี้ (24 ม.ค. 61) นางเพชรรัตน์ สินอวย รองปลัดกระทรวงแรงงาน ในฐานะโฆษกกระทรวงแรงงาน เปิดเผยภายหลังการประชุมศูนย์ปฏิบัติการกระทรวงแรงงาน (ศปก.รง.) ว่า จากกรณีที่จะมีการเลิกจ้างพนักงานของโรงสีข้าว อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครราชสีมานั้น เบื้องต้นสำนักงานจัดหางานจังหวัดนครราชสีมารายงานว่า โรงสีข้าวดังกล่าวเป็นของ บริษัท เจียเม้ง จำกัด ซึ่งเป็นสถานประกอบกิจการขายและส่งออกข้าว โดยได้ประสานงานกับสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดนครราชสีมา ทราบว่า ปัจจุบันยอดสั่งซื้อข้าวของโรงสีลดน้อยลง โรงสีจึงมีโครงการที่จะปรับลดอัตรากำลังลง ประมาณ 10 – 15 % เท่านั้น เพื่อปรับปรุงระบบการผลิต ซึ่งขณะนี้กระบวนการยังไม่มีการเลิกจ้างคนงานแต่อย่างใด มีเพียงโครงการให้พนักงานสมัครใจลาออกเพื่อให้ลูกจ้างที่จะลาออกจากงานมาแจ้งความประสงค์ และสามารถเข้าร่วมโครงการดังกล่าวได้ โดยจะได้รับสิทธิประโยชน์ในอัตรา 50 % ของอัตราค่าชดเชยที่มีสิทธิได้รับ
            นางเพชรรัตน์ฯ กล่าว บริษัทฯ ได้แจ้งให้พนักงานทราบเพื่อสมัครเข้าร่วมโครงการเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2561 ปัจจุบัน บริษัท เจียเม้ง จำกัด มีคนงานจำนวน 275 คน ไม่มีการจ้างแรงงานต่างด้าว อย่างไรก็ตาม หากมีคนงานต้องออกจากงาน พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้สั่งการให้สำนักงานจัดหางานจังหวัดนครราชสีมาเตรียมการดูแลลูกจ้าง โดยประสานตำแหน่งงานของโรงสีภายในจังหวัด เพื่อรองรับผู้ที่ถูกเลิกจ้าง ขณะเดียวกันให้สำนักงานสวัสดิการจังหวัดนครราชสีมาเข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อให้ลูกจ้างที่สมัครใจลาออกได้รับสิทธิความคุ้มครองตามกฎหมายต่อไป
             ส่วนกรณีธนาคารไทยพาณิชย์จะปิดสาขาลงเหลือ 400 แห่ง และลดพนักงาน 1.2 หมื่นคนนั้น ในการนี้ เป็นการปิดสาขาที่มีผู้มาใช้บริการน้อยไปรวมกับสาขาในห้างสรรสินค้า เพื่อตอบโจทย์ชีวิตประจำวันของคนส่วนใหญ่ ที่มีพฤติกรรมนิยมทำธุรกรรมทางการเงินในห้างสรรพสินค้ามากขึ้น โดยจะถ่ายโอนพนักงานที่สมัครใจไปปฏิบัติงานในสาขาในห้างสรรสินค้า ที่เหลือจะให้ปฏิบัติงานในสำนักงานใหญ่ หรือสมัครใจลาออก
          “กรณีการปรับลดพนักงานของทั้งสองแห่ง เป็นนโยบายของสถานประกอบการที่จะให้พนักงานสมัครใจลาออก ขณะนี้ยังไม่มีการเลิกจ้าง ยืนยันว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องนโยบายภายในบริษัท ไม่ได้เป็นผลจากการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำแต่อย่างใด และกระทรวงแรงงานพร้อมดูแลช่วยเหลือพนักงานให้ได้รับการดูแลคุ้มครองตามสิทธิทางกฎหมาย” นางเพชรรัตน์ฯ กล่าว


———————————-

กลุ่มงานโฆษกและการข่าว/
กองเผยแพร่และประชาสัมพันธ์/
ชนินทร เพ็ชรทับ – ข่าว/
กัณติภณ คูสมิทธิ์ – ภาพ/
24 มกราคม 2561

TOP