วันที่ 29 พฤศจิกายน 2567 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานมอบนโยบายการปฏิบัติงานให้แก่หัวหน้าส่วนราชการสังกัดกระทรวงแรงงานจังหวัดเชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน และแม่ฮ่องสอน โดยมี นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน นายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน นายเดชา พฤกษ์พัฒนรักษ์ อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เรือเอก สาโรจน์ คมคาย อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน นางมารศรี ใจรังษี เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม นายนันทชัย ปัญญาสุรฤทธิ์ ผอ.สสปท. นายพิเชษฐ์ ทองพันธ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน นายศักดินาถ สนธิศักดิ์โยธิน ผู้ช่วยปลัดกระทรวงแรงงาน ผู้บริหารกระทรวงแรงงาน เข้าร่วม ณ ห้องประชุมสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 19 เชียงใหม่ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่
นายพิพัฒน์ กล่าวว่า การตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของหน่วยงานสังกัดกระทรวงแรงงานพบปะกับหัวหน้าส่วนราชการสังกัดกระทรวงแรงงานทุกหน่วยในจังหวัดเชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน และแม่ฮ่องสอน ในวันนี้ กระทรวงแรงงานมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างคุณภาพชีวิตสำหรับคนทำงาน โดยทุกหน่วยงานของเราต้องพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรที่มีจำนวนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น และการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในกระบวนการทำงาน ซึ่งส่งต่อการจ้างงานและความต้องการทักษะฝีมือ มีการเปลี่ยนแปลงไป ครอบคลุมในอุตสาหกรรมการผลิต และการให้บริการรูปแบบใหม่ รวมทั้งมีการทำงานผ่านแพลตฟอร์มหรือการทำงานผ่านทางไกล ซึ่งเป็นความท้าทายในการพัฒนาแรงงาน ทักษะฝีมือ การจัดหางาน การคุ้มครองสิทธิแรงงาน และการประกันสังคม
นายพิพัฒน์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ กลุ่มแรงงานอิสระ ซึ่งเป็นคนทำงานกลุ่มใหญ่ มีจำนวนประมาณกว่า 20 ล้านคนทั่วประเทศ มีส่วนช่วยในการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ และควรได้รับสิทธิขั้นพี้นฐานในการทำงานต่าง ๆ อาทิเช่น ความปลอดภัยในการทำงาน หลักประกันทางสังคม โอกาสทางอาชีพ และรายได้ที่มั่นคง เป็นต้น ซึ่งต้องการ การปฎิบัติงานจากทุกหน่วยงานในส่วนภูมิภาคให้เป็นที่พึ่งพิงของพี่น้องแรงงานทุกคน ภายใต้นโยบายประจำปีงบประมาณ 2568 “หลักประกันทางสังคมเด่น เน้นทักษะทันสมัยคนไทยมีงานทำ สร้างวัฒนธรรมความปลอดภัย เศรษฐกิจแรงงานไทยมั่นคง” โดยทำงานบูรณาการกับทุกภาคส่วนในพื้นที่ ทั้งภาครัฐ และภาคเอกชนเพื่อเสริมสร้างโอกาสในการทำงานให้พี่นัองประชาชนในทุกช่วงวัยให้มีรายได้ที่มั่นคง ลดความเหลื่อมล้ำ และเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจในชุมชน เพื่อขยายผลสู่ภาคอุตสาหกรรมของประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ