วันที่ 25 พฤศจิกายน 2567 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการส่งเสริมการมีงานทำให้ผู้สูงอายุ ระหว่าง กรมการจัดหางาน และสถานประกอบการชั้นนำจำนวน 16 แห่ง โดยมีนายสิรภพ ดวงสอดศรี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน นายสมาสภ์ ปัทมะสุคนธ์ รองปลัดกระทรวงแรงงาน นางสาวบุณยวีร์ ไขว้พันธุ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน นายสันติ นันตสุวรรณ ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน นายพิเชษฐ์ ทองพันธ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน นายณัฐวุฒิ ภัทรประยูร จัดหางานจังหวัดร้อยเอ็ด รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาวิชาการแรงงาน พร้อมด้วย ผู้บริหารกระทรวงแรงงาน ร่วมเป็นเกียรติในงาน นายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน และผู้บริหารสถานประกอบการ 16 แห่ง ร่วมลงนาม ณ ห้องประชุม ชั้น 5 กระทรวงแรงงาน
.
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า จากการที่ประเทศไทยก้าวเข้าสู่ “สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์” ทำให้ต้องมีการขับเคลื่อนการส่งเสริมการมีงานทำสำหรับผู้สูงอายุให้เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น ดังนั้นเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้สูงอายุได้มีงานทำในอาชีพที่เหมาะสมกับวัยและประสบการณ์ สามารถสร้างหลักประกันที่มั่นคงด้านรายได้ สร้างคุณค่าและความภาคภูมิใจให้แก่ผู้สูงอายุ ตลอดจนเป็นการเพิ่มบทบาทและคุณค่าของผู้สูงอายุด้วยการมีส่วนร่วมในเชิงเศรษฐกิจ ลดภาระค่าใช้จ่ายของรัฐในด้านสวัสดิการสำหรับผู้สูงอายุ กระทรวงแรงงานโดยกรมการจัดหางาน จึงได้จัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการส่งเสริมการมีงานทำให้ผู้สูงอายุ ระหว่าง กรมการจัดหางาน และสถานประกอบการชั้นนำจำนวน 16 แห่ง พร้อมเตรียมตำแหน่งงานทั่วประเทศ รองรับการทำงานของผู้สูงอายุ กว่า 4 พันอัตรา ซึ่งเป็นงานที่ผู้สูงอายุสามารถทำได้ เป็นงานที่ไม่หนัก และไม่เป็นอันตราย อาทิ ตำแหน่งพนักงานประจำร้าน ตำแหน่งบาริสต้า ตำแหน่งพนักงานบริการ เป็นต้น เพื่อช่วยลดการขาดแคลนแรงงานในบางภาคส่วน ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับตลาดแรงงานไทยในอนาคต และยังช่วยให้ผู้สูงอายุสามารถมีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจได้อย่างเต็มที่ รวมทั้งส่งเสริมให้ทุกคนสามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดีและยั่งยืนในวัยเกษียณ
.
“ผมขอขอบคุณสถานประกอบการภาคเอกชนทั้ง 16 แห่ง ที่มีส่วนสำคัญในการส่งเสริมการจ้างงาน สร้างโอกาส สร้างอาชีพ ให้กับผู้สูงอายุ การมีงานทำไม่เพียงช่วยให้ผู้สูงอายุมีรายได้ หรือมีคุณภาพชีวิตที่ดีเท่านั้น แต่ยังทำให้ผู้สูงอายุเกิดความภูมิใจและเห็นคุณค่าในตัวเอง จากนี้กระทรวงแรงงานจะเดินหน้าผลักดันให้ทุกภาคส่วนเห็นถึงศักยภาพและความสำคัญในการจ้างงานผู้สูงอายุต่อไป” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าว
.
ด้านนายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า การลงนามบันทึกความเข้าใจครั้งนี้ เป็นความตั้งใจและความมุ่งมั่นของทุกภาคส่วน ที่จะสร้างกรอบความร่วมมือในการส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้สูงอายุมีงานทำ เพราะผู้สูงอายุมีความเพียบพร้อมไปด้วย วัยวุฒิ คุณวุฒิ และประสบการณ์จากการทำงานและการใช้ชีวิต ซึ่งเป็นแบบอย่างให้แก่ผู้ใช้แรงงานได้เป็นอย่างดี โดยกรมการจัดหางาน ทำหน้าที่ส่งเสริมการมีงานทำในตำแหน่งงานที่เหมาะสมกับผู้สูงอายุ ขณะที่ สถานประกอบการจะจ้างงานผู้สูงอายุตามกรอบนโยบายที่สถานประกอบการกำหนด และเตรียมความพร้อมรองรับการจ้างงานผู้สูงอายุ พร้อมกับจัดส่งตำแหน่งงานว่างสำหรับผู้สูงอายุให้กรมการจัดหางาน รวมทั้งเข้าร่วมงานนัดพบแรงงานเพื่อรับสมัครงาน
.
ทั้งนี้ ผู้สูงอายุ ที่ต้องการหางานทำสามารถใช้บริการที่เว็บไซต์ “ไทยมีงานทำ.doe.go.th” หรือแอปพลิเคชัน “ไทยมีงานทำ” โดยผู้สูงอายุสามารถค้นหาข้อมูลตำแหน่งงานที่เหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด ด้วยการจับคู่ตำแหน่งงานตามความรู้ ความสามารถ และทักษะที่มีอยู่ หรือหากไม่สะดวกใช้งานผ่านระบบออนไลน์ สามารถติดต่อได้ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 ศูนย์บริการจัดหางานเพื่อคนไทย (Smart Job center) และหากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน หรือสายด่วนกรมการจัดหางาน 1694
.
โดยสถานประกอบการชั้นนำอีก 16 แห่ง ประกอบด้วย พีทีจี เอ็นเนอยี (กาแฟพันธุ์ไทย) โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ เซ็นทรัล เรสตอรองส์ ซีพี ออลล์ บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ สห ลอว์สัน ฟู้ดแพชชั่น ทรู ทัช (เครือ บ. TRUE) แบล็คแคนยอน อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ แมคไทย ซี.เจ. เอ็กซ์เพรส กรุ๊ป แฮปปี้ เนสท์ สเปซ (คาเฟ่อเมซอน) บิซิเนส เซอร์วิสเซส อัลไลแอนซ์ ซันโทรี่เบเวอเรจ แอนด์ ฟู๊ด (“แบรนด์) เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น