เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2565 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ร่วมคณะของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลงพื้นที่จังหวัดสงขลาและพัทลุง ตรวจติดตามโครงการพระราชดำริในการปรับปรุงคลองภูมินาถดำริให้มีศักยภาพเพียงพอ เพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัยในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่และเป็นพื้นที่กักเก็บน้ำไว้ใช้ในช่วงหน้าแล้ง ณ คลองภูมินาถดำริ (คลอง ร.1) ต.ควนลัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และพบปะประชาชนที่เทศบาลนครหาดใหญ่ โดยมี นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาให้การต้อนรับ
จากนั้น รมว.แรงงาน ยังได้เดินทางร่วมคณะนายกรัฐมนตรีไปยังหอประชุมจังหวัดพัทลุงต.คูหาสวรรค์ อ.เมืองพัทลุง จ.พัทลุง โดยมี นายกู้เกียรติ วงศ์กระพันธุ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง ให้การต้อนรับ เพื่อเข้าร่วมการประชุมมอบนโยบายแก่หัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัดพัทลุง ผู้บริหารท้องถิ่น ประธานสภาท้องถิ่นกำนันในพื้นที่จังหวัดพัทลุง และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดพัทลุง และเยี่ยมชมนิทรรศการสินค้า OTOP พร้อมเยี่ยมบูธกิจกรรมของกระทรวงแรงงาน โอกาสนี้นายกรัฐมนตรีได้พบปะให้กำลังใจแกนนำอาสาสมัครแรงงานระดับตำบลของ จ.สงขลาและพัทลุง จำนวน 56 คน ที่มาร่วมต้อนรับ ซึ่งอาสาสมัครแรงงานเหล่านี้เป็นผู้เชื่อมประสานภารกิจของกระทรวงแรงงานไปสู่พื้นที่ เป็นผู้ที่มีความเสียสละอุทิศตนเพื่อส่วนรวม ทำงานใกล้ชิดกับพี่น้องประชาชนในชุมชน ในการนำภารกิจประสานการให้บริการด้านแรงงาน เพื่อให้ประชาชนมีงานทำ มีทักษะฝีมือ มีอาชีพ มีรายได้ ได้รับการคุ้มครองและมีหลักประกันทางสังคมที่ยั่งยืนอีกด้วย จากนั้น รมว.แรงงาน ได้นำ นายกรัฐมนตรี เข้าเยี่ยมชมบูธกิจกรรมของกระทรวงแรงงาน ที่ได้นำผลิตภัณฑ์จากกลุ่มที่ประสบความสำเร็จจากการส่งเสริมการฝึกอาชีพจากหน่วยงานของกระทรวงแรงงาน จ.พัทลุง ได้แก่ กลุ่มผู้รับงานไปทำที่บ้านกระจูดวรรณี กลุ่มศิลปาชีพบ้านหัวป่าเขียวโครงการ 1 จังหวัด 1 หลักสูตร การออกแบบติดตั้งและประยุกต์ใช้โซลาเซลล์ กลุ่มแปรรูปผลิตภัณฑ์จากปลานิล และกลุ่มทำเครื่องแกงบ้านจันนา เป็นต้น โดยมี นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ โฆษกกระทรวงแรงงาน (ฝ่ายการเมือง) นายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน นายประทีป ทรงลำยอง อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน นายนิยม สองแก้ว อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน พร้อมด้วย ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน เข้าร่วมในครั้งนี้ด้วย รมว.แรงงาน ยังได้ร่วมคณะนายกรัฐมนตรีในพิธีเปิดงานโครงการส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านการแสดงมโนราห์ “สืบสานศิลป์แผ่นดินโนรา มรดกโลกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม” เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565 ณ บริเวณหน้าศาลากลางหลังเก่าจังหวัดพัทลุง
นายสุชาติ กล่าวว่า ท่านนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา และท่าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลกระทรวงแรงงาน ได้ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการประกอบอาชีพกลุ่มวิสาหกิจชุมชนให้เกิดการจ้างงานในระดับพื้นที่ จึงได้สั่งการให้กระทรวงแรงงาน ดูแลกลุ่มวิสาหกิจชุมชนให้เข้มแข็งและยั่งยืน เพื่อให้กลุ่มอาชีพตั้งแต่ระดับรากหญ้าสามารถพัฒนาต่อยอดไปสู่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีได้ในอนาคต เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ซึ่ง จ.สงขลาและพัทลุงเป็นเมืองเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของภาคใต้ที่มีศักยภาพอยู่แล้ว ในส่วนของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานในพื้นที่ได้บูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและองค์กรท้องถิ่น เพื่อเข้าไปส่งเสริมกลุ่มวิสาหกิจชุมชน อาทิ การส่งเสริมการประกอบอาชีพที่ตรงตามความต้องการการแปรรูปผลิตภัณฑ์ การส่งเสริมการตลาดออนไลน์ การนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาใช้ในการประกอบอาชีพเพื่อลดต้นทุนและเพิ่มมูลค่า เป็นต้น เป็นการบรรเทาความเดือดร้อนด้านอาชีพแก่กลุ่มแรงงานนอกระบบ แรงงานผู้สูงอายุ แรงงานคนพิการ และแรงงานกลุ่มเปราะบางเพื่อให้มีอาชีพ มีรายได้ที่มั่นคง
สำหรับสถานการณ์ด้านแรงงาน จ.สงขลา มีอาสาสมัครแรงงาน 127 คน การจ้างงานส่วนใหญ่อยู่ภาคการผลิตในอำเภอหาดใหญ่และอำเภอเมือง มีสถานประกอบการรวมทั้งจังหวัด 9,487 แห่ง ผู้ประกันตน 190,644 คน โครงการเยียวยาจากผลกระทบโควิด-19 ได้จ่ายเงินเยียวยาแก่นายจ้าง 9 ประเภทกิจการ 6,042 ราย ลูกจ้าง 572,203 คน เป็นเงิน 162,387,000 บาท เกิดเม็ดเงินสู่ระบบเศรษฐกิจ 5,453,849,500 บาท โครงการส่งเสริมและรักษาระดับการจ้างงานในธุรกิจเอสเอ็มอี มีนายจ้างลงทะเบียน 5,672 ราย ลูกจ้าง 61,681 คน เกิดเม็ดเงินสู่ระบบเศรษฐกิจ 555,129,000 บาท ฉีดวัคซีนแก่ผู้ประกันตนเข็มสองและสามแล้ว 14,061 ราย ขณะที่สถานการณ์ด้านแรงงานจังหวัดพัทลุง มีอาสาสมัครแรงงาน 65 คน การจ้างงานส่วนใหญ่อยู่ภาคส่วนราชการและการผลิตในอำเภอเมืองและอำเภอควนขนุน มีสถานประกอบการรวมทั้งจังหวัด 1,625 แห่ง ผู้ประกันตน 20,085 คน โครงการเยียวยาผู้ประกันตน ม.39 และ 40 ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐพื้นที่ 29 จังหวัด ได้เยียวยา 8,028 ราย เป็นเงิน 40,140,000 บาท โครงการเยียวยาผู้ประกันตนในกิจการสถานบันเทิงและผู้ประกอบอาชีพอิสระที่ทำงานเกี่ยวกับสถานบันเทิงที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐ จำนวน 653 ราย เป็นเงิน3,265,000 บาท เกิดเม็ดเงินสู่ระบบเศรษฐกิจ 43,405,000 บาท โครงการส่งเสริมและรักษาระดับการจ้างงานในธุรกิจเอสเอ็มอี มีนายจ้างลงทะเบียน 1,030 ราย ลูกจ้าง 7,944 คน เกิดเม็ดเงินสู่ระบบเศรษฐกิจ 71,496,000 บาท
+++++++++++++++++++
กองเผยแพร่และประชาสัมพันธ์
25 เมษายน 2565