วันที่ 14 กันยายน 2565 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานในพิธี เปิดงาน “คุณวุฒิวิชาชีพ คุณวุฒิของคนทำมาหากิน” พร้อมมอบรางวัลเมืองแห่งมืออาชีพ เมืองต้นแบบแห่งการพัฒนาบุคคลากรด้วยคุณวุฒิวิชาชีพ มอบรางวัลโครงการประกวดภาพยนตร์สั้น มอบรางวัลองค์กรที่มีหน้าที่รับรองสมรรถนะของบุคคลตามมาตรฐานอาชีพยอดเยี่ยม และกล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “การพัฒนากำลังแรงงานในอนาคต” โดยมี นายนคร ศิลปอาชา ประธานกรรมการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ กล่าวต้อนรับและกล่าวรายงานวัตถุประสงค์การจัดงาน โดยมี ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน เข้าร่วมในครั้งนี้ด้วย ณ ห้องมัฆวานรังสรรค์ ชั้น 3 สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพมหานคร
นายสุชาติ กล่าวว่า การพัฒนาทุนมนุษย์และยกระดับศักยภาพกำลังแรงงานของประเทศในทุกมิติ เป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลตามยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของบุคลากรและกำลังแรงงานของประเทศในสาขาอาชีพต่าง ๆ ให้เป็นแรงงานคุณภาพ มีทักษะและความเชี่ยวชาญในระดับสูงได้การรับรองตามมาตรฐานอาชีพ และได้รับคุณวุฒิวิชาชีพ ซึ่งเป็นคุณวุฒิใหม่ของประเทศไทยที่ให้การรับรองความรู้ ทักษะ และความสามารถ ของกำลังแรงงาน เพื่อให้พี่น้องกำลังแรงงานของประเทศไทยได้พัฒนาตัวเองในช่องทางต่าง ๆ มีรายได้เพิ่มขึ้น มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความสุขอย่างยั่งยืนและได้รับคุณวุฒิที่เทียบเท่ากับคุณวุฒิทางการศึกษาในระดับต่าง ๆ ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญที่รัฐบาลจะดำเนินการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมแห่งอนาคตเพื่อการพัฒนาประเทศให้มีความเจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืนต่อไป
ปัจจุบันได้มีการเปลี่ยนแปลงไปในหลายมิติ เกิดโรคอุบัติใหม่ เทคโนโลยีมีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เศรษฐกิจมีความผันผวน และมีความเปลี่ยนแปลงทางสังคม การเมือง และสิ่งแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกประเทศ อันเป็นปัจจัยเร่งให้ทุกฝ่ายต้องปรับตัวเพื่อสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และสังคมของประเทศ ซึ่งรัฐบาลมุ่งพัฒนาคนไทยให้มีทักษะสำหรับการดำรงชีวิตในศตวรรษที่ 21 เพื่อเป็นพลังขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศและมุ่งพัฒนาคนในทุกมิติตามความเหมาะสมในแต่ละช่วงวัย รวมทั้งให้ความสำคัญกับการสร้างหลักประกันทางสังคมที่เหมาะกับประชาชนทุกกลุ่ม กำลังแรงงานของประเทศไทยมีอยู่มากกว่า 38 ล้านคน เป็นผู้มีงานทำ 37.7 ล้านคน ว่างงานอีก 748,268 คน และเป็นแรงงานนอกฤดูอีกราว 2 แสนคน ส่วนผู้ที่ไม่ใช่กำลังแรงงานซึ่งมีทั้งเด็ก คนชรา ผู้ที่อยู่ในวัยเกษียณมีอีกกว่า 18 ล้านคน เหล่านี้เป็นตัวเลขที่รัฐบาลได้หาแนวทางที่ทำให้กำลังคนเหล่านี้ได้มีโอกาสในการเสริมสร้างศักยภาพของตัวเอง ทั้งนี้ภายใต้ความร่วมมือของทุกฝ่ายทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน จะช่วยทำให้กำลังแรงงานเข้มแข็งขึ้น การพัฒนาแพลตฟอร์มต่าง ๆ ให้ตอบโจทย์การยกระดับสมรรถนะกำลังคน วัยทำงานในอนาคตทั้ง Up skill – Re skill เพื่อทำให้กำลังแรงงานเหล่านั้นมีโอกาสในการเสริมสร้างทักษะและศักยภาพของตัวเองเพื่อใช้ในการประกอบอาชีพและเพื่อทำให้พวกเขาเหล่านั้นเป็นแรงงานทักษะสูงเป็นที่ต้องการของตลาด ผู้ที่ไม่มีคุณวุฒิทางการศึกษา ก็จะได้รับคุณวุฒิวิชาชีพที่พร้อมให้การรับรอง ความรู้ ความสามารถ และเมื่อสังคมเกิดการยอมรับคุณวุฒิวิชาชีพ ก็จะเป็นการเพิ่มโอกาสในการจ้างงาน เพิ่มโอกาสในการปรับตำแหน่งหน้าที่ให้สูงขึ้น สามารถเจริญเติบโตก้าวหน้าในอาชีพ ซึ่งในต่างประเทศได้ให้การยอมรับในเรื่องความรู้ ทักษะ ความสามารถ ประสบการณ์ในการทำงานกันมานานแล้ว ประเทศไทยเองก็ต้องสร้างการยอมรับสิ่งเหล่านี้ให้เกิดขึ้นในประเทศอย่างแพร่หลายและรวดเร็ว
นายสุชาติ กล่าวต่อว่า สำหรับคนว่างงาน แรงงานนอกฤดูกาล หรือผู้ที่จะก้าวเข้าสู่กำลังแรงงาน รัฐบาลก็ได้มีการพัฒนาแพลตฟอร์มที่ตอบโจทย์การเป็นรัฐบาลดิจิทัล มีธนาคารหน่วยกิตสะสมผลการเรียนรู้ของเหล่านักเรียน นักศึกษาเพื่อการก้าวเข้าสู่ตลาดแรงงานในอนาคตได้ตรงตามความต้องการของตลาดแรงงานอย่างแท้จริง เพราะนอกจากการศึกษาในห้องเรียนแล้วต้องมีการเรียนรู้ในด้านต่าง ๆ เช่น ภาษาต่างประเทศ เทคโนโลยีดิจิทัล และการฝึกประสบการณ์ ควบคู่กันไปด้วย ซึ่งการเชื่อมโยงข้อมูลและแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อการผลิตและพัฒนากำลังคนของประเทศที่เกิดขึ้นในวันนี้ จะส่งผลให้เกิดการพัฒนากำลังคนของประเทศให้มีโอกาสเรียนรู้ พัฒนาขีดความสามารถในการทำงานที่มีมาตรฐานได้รับการยอมรับจากภาคเอกชนและภาคธุรกิจ ขณะเดียวกันต้องฝากให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้ประกอบการให้การส่งเสริมสนับสนุนบุคลากรของตนให้มีโอกาสเข้ารับการศึกษา การฝึกอบรม และการเรียนรู้โดยรูปแบบและวิธีการต่าง ๆ เพื่อพัฒนาศักยภาพของบุคลากรให้มีความพร้อมและมีภูมิต้านทานต่อความเปลี่ยนแปลงทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ซึ่งเราทุกคนจะพัฒนาไปด้วยกันโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เมื่อทุกคนมีภูมิต้านทานที่แข็งแรง ไม่ว่าจะเกิดวิกฤติหรือภัยคุกคามประเภทไหน ก็จะต่อสู้ฝ่าฟันไปได้และเกิดเป็นความยั่งยืนอย่างแท้จริง
“กระทรวงแรงงาน ขอขอบคุณคณะปฏิรูปประเทศด้านวัฒนธรรม กีฬา แรงงาน และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ กระทรวงศึกษาธิการ สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มีส่วนร่วมในการสนับสนุนการสร้างวัฒนธรรม และค่านิยมใหม่ในสังคมด้วยการนำคุณค่าของประสบการณ์และทักษะการทำงานเข้าสู่กระบวนการรับรองและให้ประกาศนียบัตรคุณวุฒิวิชาชีพ และใช้กลไกจากแพลตฟอร์มดิจิทัลต่าง ๆ ที่รัฐบาลจัดให้บริการให้เกิดประโยชน์ และขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการ นายจ้าง ในการนำไปประยุกต์ใช้เป็นค่านิยมในการบริหารงานบุคคล วัฒนธรรมนี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในสังคม และเป็นองค์ประกอบสำคัญของการพัฒนาทุนมนุษย์และยกระดับศักยภาพกำลังแรงงานของประเทศตามยุทธศาสตร์ชาติข้างต้น ที่จะทำให้กำลังแรงงานได้รับคุณวุฒิเพิ่มสูงขึ้น และทำให้ประเทศเกิดความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนในภาพรวมต่อไป” นายสุชาติ กล่าวในท้ายสุด
+++++++++++++++++++
กองเผยแพร่และประชาสัมพันธ์
14 กันยายน 2565