วันที่ 15 มิถุนายน 2564 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานในพิธีมอบบัตรตรวจแรงงานต่างด้าวและกล่าวปิดการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจตรวจสอบ ปราบปราม จับกุมและดำเนินคดีคนต่างด้าวผิดกฎหมาย ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID – 19) พร้อมด้วยนายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน นายสุเทพ ชิตยวงษ์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พลตำรวจตรี นันทชาติ ศุภมงคล ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงแรงงาน ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานอำนวยการ นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ โฆษกกระทรวงแรงงาน (ฝ่ายการเมือง) นายสุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน และนายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน ร่วมเป็นเกียรติในพิธี
นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน ห่วงใยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ในกลุ่มแรงงานต่างด้าวอย่างยิ่ง ได้กำชับให้กระทรวงแรงงานบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวในช่วงเวลานี้อย่างระมัดระวัง รวมทั้งตรวจสอบ และดำเนินคดีคนต่างด้าวที่ลักลอบเข้าเมืองและทำงานผิดกฎหมาย ควบคู่กับการสร้างความรู้ความเข้าใจแก่นายจ้าง/สถานประกอบการถึงแนวทางปฏิบัติตามกฎหมายการจ้างงานแรงงานต่างด้าว
“สำหรับการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจตรวจสอบ ปราบปราม จับกุมและดำเนินคดีคนต่างด้าวผิดกฎหมายฯนี้ เป็นไปตามแผนการปฏิบัติงานตามโครงการตรวจสอบ ปราบปราม จับกุมและดำเนินคดีคนต่างด้าวผิดกฎหมายในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID – 19) ซึ่งดำเนินการมาเป็นเวลา 2 วัน ตั้งแต่วันที่ 14 -15 มิถุนายน 64 จากนี้ผู้ผ่านการอบรมทั้ง 40 คน จะได้รับมอบบัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ และออกปฏิบัติหน้าที่ตรวจสอบ ปราบปราม จับกุมและดำเนินคดีแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบเข้าเมือง แล้วมาลักลอบทำงานอย่างผิดกฎหมาย โดยขอให้เจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจทุกชุด ดำเนินการขอตรวจสอบด้วยความสุภาพ ควบคู่ไปกับการสร้างการรับรู้ให้แก่คนต่างด้าว นายจ้าง/สถานประกอบการถึงแนวทางปฏิบัติตามกฎหมาย เพื่อร่วมกันยับยั้งสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ให้ยุติลงโดยเร็ว” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าว
ด้านนายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า เจ้าหน้าที่คณะทำงานอำนวยการ และเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจที่ผ่านการฝึกอบรมแล้วจะไปปฏิบัติหน้าที่ตามพื้นที่รับผิดชอบ โดยคณะทำงานอำนวยการมีอำนาจหน้าที่กำหนดมาตรการและแผนการดำเนินการ เพื่อให้การตรวจสอบการทำงานของคนต่างด้าวทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักรเป็นไปตามแผนการที่กำหนด ส่วนชุดเฉพาะกิจทั้ง 5 ชุดมีอำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบ ปราบปราม จับกุม และดำเนินคดีคนต่างด้าวฯ โดยชุดเฉพาะกิจที่ 1 รับผิดชอบพื้นที่กรุงเทพมหานครและจังหวัดปริมณฑล จำนวน 4 จังหวัด ชุดเฉพาะกิจที่ 2 รับผิดชอบพื้นที่ภาคกลาง จำนวน 22 จังหวัด ชุดเฉพาะกิจที่ 3 รับผิดชอบพื้นที่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 20 จังหวัด ชุดเฉพาะกิจที่ 4 รับผิดชอบพื้นที่ภาคเหนือ จำนวน 17 จังหวัด และชุดเฉพาะกิจที่ 5 รับผิดชอบพื้นที่ ภาคใต้ จำนวน 14 จังหวัด โดยทุกชุดจะเริ่มออกปฏิบัติงาน ช่วงกลางเดือนมิถุนายนนี้เป็นต้นไป
“ทั้งนี้หากตรวจพบนายจ้างที่รับคนต่างด้าวเข้าทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน จะมีโทษปรับตั้งแต่ 10,000 – 100,000 บาท ต่อคนต่างด้าวหนึ่งคน หากทำผิดซ้ำมีโทษถึงจำคุก และห้ามจ้างคนต่างด้าวทำงานอีก 3 ปี ส่วนคนต่างด้าวที่ลักลอบทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาตมีโทษปรับตั้งแต่ 5,000 – 50,000 บาท และถูกส่งตัวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร และไม่สามารถขอรับใบอนุญาตทำงานได้จนกว่าจะพ้นโทษมาแล้วเป็นระยะเวลา 2 ปี หากผู้ใดพบเห็นหรือสงสัยว่ามีคนต่างด้าวลักลอบทำงานผิดกฎหมาย สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 หรือ สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร. 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน หรือสายด่วนกรมการจัดหางาน โทร. 1694” นายไพโรจน์ฯ กล่าว
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++
กองเผยแพร่และประชาสัมพันธ์
15 มิถุนายน 2564