เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2565 เวลา 16.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นกรุงริยาด ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ร่วมคณะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยทั้งสองฝ่ายได้ปรับความสัมพันธ์ระหว่างสองราชอาณาจักรให้เป็นปกติ รวมทั้งยังได้ย้ำความสำคัญของการส่งเสริมความสัมพันธ์ฉันมิตรของสองราชอาณาจักรและการเปิดศักราชใหม่ของความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับซาอุดีอาระเบีย ซึ่งไทยให้ความสำคัญสูงสุดกับความสัมพันธ์ฉันมิตรกับซาอุดิอาระเบีย ทั้งนี้ไทยและซาอุดีอาระเบียคำนึงถึงความร่วมมือและความตั้งใจร่วมกัน เพื่อฟื้นฟูมิตรภาพและความสัมพันธ์ฉันมิตร รวมทั้งเห็นชอบให้ปรับความสัมพันธ์ทางการทูตให้เป็นปกติอย่างสมบูรณ์ โดยความสำเร็จครั้งประวัติศาสตร์นี้เป็นผลสืบเนื่องมาจากความพยายามในหลายระดับของทั้งสองฝ่ายที่มีมาอย่างยาวนาน เพื่อฟื้นฟูความไว้เนื้อเชื่อใจและความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างกัน โดย นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ได้เข้าเยี่ยมคารวะและหารือทวิภาคีกับ นายอะห์หมัด บิน สุไลมาน อัลรอยิฮี (Ahmad Sulaiman ALRajhi) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรมนุษย์และการพัฒนาสังคม เพื่อกระชับความร่วมมือด้านแรงงานระหว่างกัน ณ เรือนรับรองแขกต่างประเทศ พระราชวังคิงซาอุด ประเทศซาอุดีอาระเบีย นายสุชาติ กล่าวว่า จากการหารือในครั้งนี้ทั้งสองฝ่ายโดยทั้งไทยและซาอุดีฯ มีความเห็นพ้องให้เร่งรัดความร่วมมือในอนาคต หากเร่งรัดความร่วมมือได้โดยเร็วจะสร้างผลประโยชน์อย่างมากต่อทั้งสองประเทศ ซึ่งโครงการอยู่ระหว่างการก่อสร้างและพัฒนาของซาอุดีอาระเบียยังคงต้องการการสนับสนุนจากต่างชาติ ทั้งในด้านการบริหารจัดการการท่องเที่ยว และด้านแรงงานจำนวนมาก เป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการ และแรงงานฝีมือ และกึ่งฝีมือของไทยได้เข้ามามีส่วนร่วม
นายสุชาติ กล่าวอีกว่า ฝ่ายซาอุดีอาระเบียยังให้กระทรวงทรัพยากรมนุษย์ฯ ดำเนินการจัดการหาแรงงานดีมีฝีมือ โดยตั้งเป้าให้ได้ 8 ล้านคน ซึ่งไทยสามารถเข้ามามีส่วนร่วมได้ และซาอุดีอาระเบียประสงค์ผลักดันความร่วมมือด้านแรงงานให้เกิดขึ้นโดยเร็ว โดยเฉพาะแรงงานภาคบริการ โรงแรม สุขภาพ และอุตสาหกรรมก่อสร้างในโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ ส่วนมาตรการดูแลคุณภาพชีวิตและสวัสดิการของแรงงานต่างชาติในซาอุดีอาระเบียนั้น จะมี E-Contract Program ซึ่งเป็นการทำสัญญาจ้างอิเล็กทรอนิกส์ มุ่งรักษาสิทธิของลูกจ้าง และลดความขัดแย้งระหว่างลูกจ้างและนายจ้าง รวมถึงมีข้อริเริ่ม Labor Mobility Initiative ให้แรงงานเคลื่อนย้ายได้อย่างอิสระ เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่น สร้างประสิทธิภาพ และความสามารถในการแข็งขันในตลาดแรงงาน
“ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาเยือนซาอุดีอาระเบียในครั้งนี้ และขอขอบคุณ รมว.ทรัพยากรมนุษย์ฯ ของซาอุดีฯ ที่เปิดโอกาสให้คนไทยได้กลับเข้ามาทำงานในซาอุดีอาระเบียอีกครั้ง ซึ่งไทยมีแรงงานที่มีฝีมือสอดคล้องกับความต้องการของซาอุดีอาระเบีย และกระทรวงแรงงานยังมีกรมพัฒนาฝีมือแรงงานที่สามารถฝึกอาชีพ และประสบการณ์ให้ตรงกับแรงงานในสาขาที่ซาอุดีอาระเบียต้องการ รวมทั้งมีบริษัทจัดหางานที่มีความน่าเชื่อถือ จดทะเบียนและภายใต้การควบคุมของกระทรวงแรงงาน” นายสุชาติ กล่าวในท้ายสุด
สำหรับสถานการณ์ด้านแรงงาน ปัจจุบันมีแรงงานไทยที่ไปทำงานอยู่ในซาอุดีอาระเบีย จำนวน 1,345 คน (ข้อมูล ณ ธ.ค.64) แรงงานไทยที่เดินทางไปทำงานส่วนใหญ่เป็นการแจ้งการเดินทางด้วยตนเอง นายจ้างพาไปทำงาน และ Re – entry ซึ่งตำแหน่งงานที่แรงงานไทยเดินทางไปทำงาน เช่น ช่างเชื่อม ช่างเทคนิค ช่างเครื่องยนต์ ผู้ปฏิบัติงานในโรงงาน ผู้ควบคุมเครื่องจักร คนงานผลิตผลิตภัณฑ์ทั่วไป คนงานควบคุมเครื่องจักร ผู้ช่วยกุ๊ก แม่บ้าน เป็นต้น ทั้งนี้ นายสุชาติ ยังได้มอบหมายให้ สำนักงานแรงงานในประเทศซาอุดิอาระเบีย (กรุงริยาด) เป็นผู้ประสานงานหลักกับฝ่ายซาอุดีฯ เพื่อดำเนินการตามเจตนารมณ์ดังกล่าวในการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานตามความต้องการของซาอุดีอาระเบียต่อไป
++++++++++++++++++++
กองเผยแพร่และประชาสัมพันธ์
26 มกราคม 2565