Skip to main content

“โฆษกแรงงาน”เผย ครม.เห็นชอบ ร่าง พ.ร.บ.แรงงานบังคับฯ ส่งเสริมสิทธิมาตรฐานสากล

รายละเอียดเนื้อหา

             “โฆษก ก.แรงงาน”เผย มติ ครม. 1 พ.ค.61 อนุมัติหลักการ ร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการใช้แรงงานบังคับ พ.ศ. …. ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ มีสาระสำคัญ กำหนดลักษณะความผิดการใช้แรงงานบังคับ การจัดตั้งกองทุนช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียหาย ให้มีคณะกรรมการ 2 คณะ รวมทั้งการกำหนดมาตรการช่วยเหลือและกำหนดบทลงโทษ
             นางเพชรรัตน์ สินอวย รองปลัดกระทรวงแรงงาน ในฐานะโฆษกกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา มีมติอนุมัติหลักการ (ร่าง) พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการใช้แรงงานบังคับ พ.ศ. …. ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ทั้งนี้ ให้เสนอร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ไปก่อนการเสนอพิธีสารปี 2014 ส่วนเสริมอนุสัญญาฉบับที่ 29 ว่าด้วยแรงงานบังคับ ค.ศ. 1930
           นางเพชรรัตน์ฯ กล่าวต่อว่า สาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติฯ ประกอบด้วย 1) กำหนดลักษณะความผิดฐานใช้แรงงานบังคับ ซึ่งหมายถึง “ผู้ใดข่มขืนใจผู้อื่นให้ทำงานหรือบริการโดยมิได้สมัครใจให้กับตนหรือบุคคลที่สาม โดยการข่มขู่ ขู่เข็ญว่าจะลงโทษโดยมิชอบ ใช้กำลังประทุษร้ายยึดเอกสารสำคัญประจำตัวของบุคคลนั้นไว้ นำภาระหนี้ของบุคคลนั้นหรือบุคคลอื่นมาเป็นสิ่งผูกมัดโดยมิชอบ หรือด้วยวิธีอื่นใดโดยมิชอบที่ทำให้บุคคลนั้นไม่สามารถที่จะขัดขืนได้หรือมิได้สมัครใจที่จะทำเอง ถ้าการกระทำนั้นไม่เป็นความผิดฐานค้ามนุษย์ให้ถือว่าผู้นั้นกระทำความผิดฐานใช้แรงงานบังคับ” 2) กำหนดให้มีการจัดตั้งกองทุนเพื่อการป้องกันและปราบปรามการใช้แรงงานบังคับ เพื่อช่วยเหลือและเยียวยาผู้เสียหายจากการกระทำความผิดฐานใช้แรงงานบังคับหรือช่วยเหลือผู้เสียหายจากการกระทำความผิดฐานใช้แรงงานบังคับในต่างประเทศให้เดินทางกลับเข้ามาในราชอาณาจักรหรือถิ่นที่อยู่
             นอกจากนี้ 3) ยังกำหนดให้มีคณะกรรมการ 2 คณะ ได้แก่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการใช้แรงงานบังคับ มีอำนาจหน้าที่กำหนดนโยบายและยุทธศาสตร์และมาตรการในการป้องกันและปราบปรามการใช้แรงงานบังคับ และคณะกรรมการกองทุนเพื่อการป้องกันและปราบปรามการใช้แรงงานบังคับ มีหน้าที่กำกับดูแลการบริหารจัดการ ติดตามการดำเนินงาน และกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขของการใช้จ่ายเงินให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกองทุน 4) กำหนดมาตรการช่วยเหลือและคุ้มครองสวัสดิภาพผู้เสียหายจากการใช้แรงงานบังคับ เช่น การจัดหาที่พักอาศัยชั่วคราว และ 5) กำหนดบทลงโทษที่มีความเหมาะสมกับการกระทำความผิดฐานใช้แรงงานบังคับ โดยเพิ่มโทษกรณีกระทำผิดต่อผู้เสียหายที่เป็นเด็ก ผู้สูงอายุ หญิงมีครรภ์ หรือผู้พิการหรือมีจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ และกรณีที่ทำให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสหรือเป็นโรคร้ายแรงซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อชีวิต หรือถึงแก่ความตาย


——————————

กลุ่มงานโฆษกและการข่าว/
กองเผยแพร่และประชาสัมพันธ์/
ชนินทร เพ็ชรทับ – ข่าว/
2 พฤษภาคม 2561

TOP